แนวโน้มของ "ยุคสมัยแห่งเนื้อหา" ประกอบไปด้วยแนวโน้มย่อยๆ ดังต่อไปนี้
1. อุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ เช่น แว่นตากูเกิ้ลอุปกรณ์ที่ใช้วัดผลเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายเป็นต้น ทำให้คนหันมาใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายและเทคโนโลยีไร้สายต่างๆ กันมากขึ้น
2. บิ๊กดาต้า (Big Data) เป็นข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ทำให้คนมีแหล่งข้อมูลมากมาย และจำเป็นต้องมีการจัดการกับฐานข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้นำมาใช้งานได้อย่างเหมาะสม
3. ตัวจับสัญญาณข้อมูล (Sensor data) เราสามารถติดตามข้อมูลและสถานการณ์ของโลกได้ผ่านทางตัวจับสัญญาณข้อมูล ทำให้เราสามารถมองเห็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะที่บ้านของเราเอง ที่ทำงานหรือแม้แต่โลกภายนอก ซึ่งทำให้ชีวิตคนเรามีความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. เครือข่ายสังคมหรือโซเชียลเน็ทเวิร์ค (Social Network) ปัจจุบัน เทคโนโลยีมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันทำให้เราสามารถรู้ถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง
5. ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (Location Data) ข้อมูลประเภทนี้มีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 18 เดือนอันเนื่องมาจากการใช้สมาร์ทโฟนและและโลเคชั่นแอ็พกันมากขึ้น เช่น Foursquare (Social network and location application) และ Waze (community-based traffic and navigation app)
1. ข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าและ/หรือ Supplier ซึ่งได้เข้ามาแบ่งปันจะช่วยให้บริษัทสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการหรือได้แนวคิดใหม่ๆ
2. ข้อมูลจากบุคลากรในองค์กร จะช่วยในเรื่องการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน กระบวนการทำงานและธุรกิจหรือแม้แต่แนวคิดใหม่ๆ
3. การแบ่งปันข้อมูลระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ จะทำให้สามารถสังเคราะห์หรือผสมผสานข้อมูลได้มากขึ้น
4. ข้อมูลที่มีอยู่ในปริมาณมากมายมหาศาล มีผลกระทบต่อการจัดเก็บในฐานข้อมูลและการค้นหาซึ่งต้องมีการจัดการที่ดี จึงจะสามารถใช้ประโยชน์ได้
5. อุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ตัวจับสัญญาณข้อมูลและข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ ทำให้ชีวิตมนุษย์มีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่อาจเป็นช่องทางของการจารกรรมข้อมูลหรือการกระทำของผู้ไม่หวังดีต่อผู้ใช้งานได้
6. เครือข่ายสังคมหรือโซเชียลเน็ทเวิร์คทำให้คนเราใช้เวลาไปกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ในด้านหนึ่ง ส่งผลให้มีการติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ไร้รอยต่อ แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลับพบว่าบางครั้ง ทำให้คนใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ และอาจถูกรุกเร้าให้ใช้เวลากับสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ เนื่องจากเครือข่ายสังคมต้องการการมีส่วนร่วม ในบางกรณี พบว่าคนเกิดความรู้สึกไร้ค่าหรือต่ำต้อยเนื่องจากเกิดการเปรียบเทียบชีวิตของตนเองกับคนในโซเชียลมีเดียเช่น เฟสบุ๊ก อินสตาแกรม เป็นต้น ซึ่งโพสต์เรื่องราวของการใช้ชีวิตที่หรูหราหรือประสบความสำเร็จมากมาย เป็นต้น
