กว่า 13 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ปะทุหนักขึ้น และต่อเนื่องยังไม่รู้จุดสิ้นสุด ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
แต่ด้วยศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของพื้นที่ 3 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และทำเลที่ตั้ง ที่ถือเป็นประตูด่านสำคัญของชายแดนไทย-มาเลเซีย ทำให้รัฐบาลพยายามผลักดันโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดโครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ที่คณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 4 ตุลาคม 2559 เห็นชอบหลักการ คัดเลือก 3 อำเภอ 3 จังหวัดเป็นเมืองต้นแบบ มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุน เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในพื้นที่ โดยใช้แนวคิด ให้เอกชนนำ แล้วภาครัฐสนับสนุน กรอบระยะเวลาดำเนินการ ปี พ.ศ. 2560-2563
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 (ศปป.5) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมืองต้นแบบ "การค้าขายชายแดนระหว่างประเทศ" เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการ
สุไหงโก-ลกฉลุย 2 โครงการ 50 ล้าน
ข้อมูลจากอำเภอสุไหงโก-ลก ระบุว่า จังหวัดนราธิวาสมีประชากร 7.8 แสนคน อาศัยอยู่ในอำเภอสุไหงโก-ลก ประมาณ 10% ของประชากรทั้งหมด โดย 68% มีอาชีพค้าขาย พึ่งพากำลังซื้อหลักจากเพื่อนบ้านมาเลเซีย ขณะที่การค้าชายแดน ปี 2559 อยู่ที่ 3,133 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66.39 ของมูลค่าการค้ารวม เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ 5.99 และตั้งเป้าปี 2560 จะสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 4,500 ล้านบาท
โก-ลกขอศูนย์กลางตลาด
มีโครงการขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติม คือ ก่อสร้างศูนย์กลางตลาดสินค้าทางการเกษตร บนเนื้อที่ 8 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังผล
และหากจะให้ตรงใจที่สุด คือ ขอให้รัฐบาลซื้อที่ดิน และรื้อถอนบ้านเอื้ออาทรของการเคหะฯ บนเนื้อที่ 25 ไร่ เนื่องจากปล่อยทิ้งร้าง ไม่มีความจำเป็นต่อชาวบ้าน แล้วลงทุนพัฒนาโครงการพื้นฐาน เพื่อให้เอกชนเข้ามาพัฒนา โดยการสร้างคอมเพล็กซ์ หรืออาคารอเนกประสงค์ เพื่อใช้จัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ
ชูโปรเจ็กต์ปลอดภาษีทั้งเมือง
โครงการจัดตั้งเมืองการค้าปลอดภาษีตอบโจทย์ที่สุด และต้องมีรูปแบบแตกต่างจากที่อื่น ที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวซื้อได้เท่านั้น แต่ให้รวมทั้งเมือง เป็นเขตปลอดภาษี ให้ประชาชนคนไทย ปัตตานี ยะลา และพี่น้องมาเลเซียเข้ามาจับจ่าย จะทำให้เศรษฐกิจเมืองชายแดนคึกคักขึ้นทันที รัฐบาลต้องใช้ ม.44 แก้กฎหมายที่ติดขัด หากไม่ทำยุคนี้ เมื่อการเมืองกลับมาจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของใครของมันเหมือนเดิม
รัฐต้องช่วยเมืองคนป่วยเรื้อรัง
ด้าน "สุชาดา พันธุ์นรา" นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จังหวัดนราธิวาสได้สิทธิพิเศษมาก เนื่องจากเป็นทั้งเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" โดยเฉพาะเรื่องซอฟต์โลน ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ถือว่าดึงดูดนักลงทุนมาก แต่การอนุมัติวงเงินขณะนี้ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากสภาพัฒน์มองเรื่องความคุ้มค่า แต่ตนมองว่าสภาพัฒน์คิดผิด เพราะหากมองจุดคุ้มค่าเราก็เดินหน้าไม่ได้ เราต้องมองว่าพื้นที่เราผิดปกติ เป็นคนป่วยเรื้อรังมาเป็น 10 ปี
หดหู่มาก ต้องรับยาพิเศษ
สุชาดาบอกว่า โครงการที่รัฐอนุมัติส่วนมากยังไม่ได้ตอบโจทย์ชาวบ้านที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งที่ชาวบ้านต้องการมาก คือ รัฐต้องหาสถานที่ให้เขาทำธุรกิจให้เป็นรูปเป็นร่าง เพราะสุไหงโก-ลก เป็นศูนย์กลางการค้า คือ ซื้อมาขายไป มองว่าจุดที่เหมาะสม คือ บ้านเอื้ออาทรของการเคหะฯตอนนี้ปล่อยทิ้งไว้ เป็นแหล่งเสื่อมโทรม หากรัฐซื้อจากรัฐแล้ว เอกชนมาปรับปรุงพื้นที่สร้างอาคารอเนกประสงค์ จะสามารถพัฒนาเป็นแลนด์มาร์ก ร้านค้าได้