1 จะเกิดความแตกต่างและความผันผวนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลเสียทั่วโลกมากขึ้น? หรือจะ
การพัฒนาศูนย์การเจริญเติบโตหลายแห่งนำไปสู่ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น?
ทั้งประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้วเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในการ
บรรลุ “ภาวะปกติ” ใหม่ในเศรษฐกิจโลก สำหรับส่วนมากของตะวันตก ความท้าทายเกี่ยวข้องกับการเติบโตอย่างยั่งยืนเมื่อเผชิญกับความรวดเร็ว ประชากรสูงอายุ สำหรับจีนและอินเดีย ความท้าทายหลักจะเป็นเพื่อหลีกเลี่ยง “กับดักรายได้ปานกลาง”
2 จะเกิดรูปแบบการปกครองในปัจจุบันและระหว่างประเทศ
สถาบันสามารถปรับตัวเร็วพอที่จะบังเหียนและช่องสัญญาณเปลี่ยนแทนที่จะถูกครอบงำ?
การขาดดุลธรรมาภิบาลที่ร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเมืองที่รวดเร็วและ
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมมีแนวโน้มที่จะมีอยู่ ประเทศที่ย้ายจากเผด็จการ
ประชาธิปไตยมีประวัติที่พิสูจน์แล้วว่าไม่มีเสถียรภาพสูง ประมาณ 50
ประเทศตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหลักนี้ ทั้งหมด สามารถเติบโตจากความไม่ลงรอยกันในการปกครองได้ภายในปี 2030 หากความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจดำเนินต่อไป ภูมิทัศน์ทางการเมืองจะซับซ้อนมากขึ้น: เมืองใหญ่และกลุ่มภูมิภาคมีแนวโน้มที่จะเข้ายึดอำนาจที่เพิ่มขึ้น ลักษณะของการใช้ไอซีที—การกระทำหลายอย่างพร้อมกัน, การตอบสนองในทันทีและการจัดระเบียบมวลชนทั่ว
ขอบเขตทางภูมิศาสตร์—เพิ่มศักยภาพให้บ่อยขึ้น การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ต่อเนื่องในระบบสากล ในทางกลับกัน, ICT จะให้รัฐบาล—ทั้งเผด็จการและประชาธิปไตย—และความสามารถที่ไม่เคยมีมาก่อนในการตรวจสอบพลเมืองของพวกเขา
3 จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงในอำนาจนำไปสู่ความขัดแย้ง?
ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด—เช่น น้ำและที่ดินทำกิน—ในหลาย ๆ ที่
ของประเทศเดียวกันที่จะมีระดับเยาวชนไม่สมส่วน
ผู้ชาย—โดยเฉพาะใน Sub-Saharan Africa, South Asia, และบางส่วนของ
ของตะวันออกกลาง—เพิ่มความเสี่ยงของความขัดแย้งภายในรัฐ ที่สุด
ความขัดแย้งภายในรัฐจะยังคงอยู่ในรูปของการทำสงครามที่ไม่ปกติ แต่
การแพร่กระจายของอาวุธความแม่นยำอาจเปลี่ยนลักษณะของบาง
ความขัดแย้งเหล่านี้ ระบบระหว่างประเทศที่กระจัดกระจายมากขึ้น ล้นออกจากภูมิภาค
ความขัดแย้งและการแข่งขันด้านทรัพยากรเพิ่มขึ้น ศักยภาพของความขัดแย้งระหว่างรัฐ ตะวันออกกลางมีแนวโน้มมากที่สุดจะยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความผันผวนมากที่สุด แม้ว่าจะเคลื่อนไปสู่
ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น สงครามในอนาคตในเอเชียและตะวันออกกลางอาจรวมถึงนิวเคลียร์
ความขัดแย้งมากมายเหล่านี้เมื่อเริ่มต้นขึ้นจะไม่เกิดขึ้น ควบคุมได้ง่ายและจะส่งผลกระทบทั่วโลก
4 จะเกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคโดยเฉพาะในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ทะลักและสร้างความไม่มั่นคงระดับโลก?
ตะวันออกกลางและเอเชียใต้เผชิญกับชุดของภายในและภายนอกแรงกระแทก เอเชียที่มีหลายขั้วมากขึ้นเรื่อยๆ ขาดการยึดเหนี่ยวที่ดี รอบความปลอดภัยระดับภูมิภาคสามารถอนุญาโตตุลาการและบรรเทาการเพิ่มขึ้นได้ ความตึงเครียดถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ มุ่งเน้นภายในมากขึ้นและ
ยุโรปที่มีความสามารถน้อยกว่าจะให้กำลังที่มีเสถียรภาพน้อยกว่าสำหรับ
วิกฤตการณ์ในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากตะวันออกกลางและเอเชียใต้แล้ว
ประเทศในอนุภูมิภาคทะเลทรายซาฮารา อเมริกากลาง และแคริบเบียน
ยังคงเสี่ยงต่อความล้มเหลวของรัฐ
5 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นทันเวลาหรือไม่ แก้ปัญหาที่เกิดจากการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว เครียดกับทรัพยากรธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ?
เราได้ระบุเทคโนโลยี "ก่อกวน" 16 อย่างที่มีศักยภาพระดับโลก
อย่างมีนัยสำคัญจนถึงปี 2030 พวกมันถูกจัดกลุ่มตามพลังงานศักย์
ความก้าวหน้า; นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารและน้ำ ข้อมูลขนาดใหญ่และ
การพยากรณ์พฤติกรรมของมนุษย์และการเสริมสร้างความสามารถทางร่างกายและจิตใจของมนุษย์และการต่อต้านวัย หลายคนต้องการรัฐบาลร่วมกัน ความพยายามที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2030 สภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยระหว่างประเทศ การสนับสนุนความร่วมมือก็เป็นสิ่งที่ “จำเป็น” เช่นกัน
6 อเมริกาจะเป็นนักแสดงนำของโลกไหม
เวทีสามารถปฏิรูปสากลได้ระบบสลักบทบาทใหม่ที่มีศักยภาพในระเบียบโลกกำลังขยายตัวหรือไม่?
สหรัฐฯ มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะยังคงเป็น primus inter pares ระหว่างกัน
มหาอำนาจในปี 2030 เนื่องจากพลังอำนาจในหลายแง่มุม และมรดกแห่งความเป็นผู้นำ แต่ “ชั่วขณะเดียว” ได้สิ้นสุดลงแล้ว ศักยภาพที่จำกัดสำหรับจีนที่จะเข้ามาแทนที่สหรัฐฯ ในฐานะผู้นำระดับโลกโดย 2030. เศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับการฟื้นฟู—กระตุ้นด้วยพลังงานที่เป็นไปได้ของสหรัฐ
ความเป็นอิสระ—จะเพิ่มโอกาสที่การเติบโต ความท้าทายระดับโลกและระดับภูมิภาคจะได้รับการแก้ไข หากสหรัฐอเมริกาล้มเหลวในการการดีดตัวกลับทำให้เกิดสุญญากาศพลังงานโลกที่เป็นอันตราย
ทั่วโลก เกิดเศรษฐกิจผันผวน ขาดธรรมาภิบาล รัฐขาดเสถียรภาพ ความขัดแย้งกับระบอบประชาธิปไตย การแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ แต่จะมีความร่วมมือระดับระหว่างประเทศมากขึ้น
ผู้มีบทบาทใหม่ของโลกคือประเทศจีน
