การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (2 ส.ค.) เห็นชอบมาตรการสนับสนุนให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ตามนโยบาย“ประเทศไทย 4.0” ในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยเพื่อรองรับแนวโน้มอุตสาหกรรมในอนาคต
นโยบายดังกล่าวผู้ผลิตรถหลายรายไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรายเดิม เนื่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยและตลาดโลกยังไม่ใหญ่มากพอ แต่มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
ตามมติครม.เห็นชอบแผนส่งเสริมรถไฟฟ้าใน 2 ส่วน คือ ส่วนแรก แผนส่งเสริมลงทุนผลิตรถไฟฟ้าที่เป็นรูปธรรม ซึ่งส่วนนี้บริษัทที่จะลงทุนจะต้องยื่นแผนการดำเนินงานในลักษณะแผนงานรวม ที่ประกอบด้วย แผนลงทุนประกอบรถยนต์ไฟฟ้าและผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ ระบบควบคุมการจ่ายไฟฟ้า เป็นต้น จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่นๆ
บริษัทที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว จะสามารถนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปโดยได้รับการลดหย่อน หรือ ยกเว้นอากรขาเข้าในรุ่นรถยนต์ที่จะผลิตเท่านั้น เพื่อมาทดลองตลาดในปริมาณที่กำหนด รวมถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนหรือยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนสำคัญซึ่งยังไม่สามารถมีการผลิตในประเทศในช่วงเริ่มต้นของการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ ซึ่งหลังจากได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว คาดว่าจะเห็นการลงทุนผลิตจริงภายใน 2 ปี
ส่วนที่สอง แผนการส่งเสริมให้มีรถยนต์ไฟฟ้ามาขับเคลื่อนบนถนนภายในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งส่วนนี้ ครม.ได้เร่งรัดให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) จัดทำเงื่อนไขหลักเกณฑ์การประมูลกระบวนการจัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 200 คันให้เสร็จโดยเร็ว
ขณะที่การส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ได้เร่งรัดให้กรมขนส่งทางบก ออกประกาศกำหนดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ โดยกำหนดขนาดมอเตอร์ไฟฟ้าต้องไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ จากเดิมกำหนดไม่เกิน 15 กิโลวัตต์ ให้สามารถจดทะเบียนได้
นอกจากนี้ ครม.ยังมอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) เร่งจัดทำมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ แบตเตอรี่ โดยในส่วนของกระทรวงพลังงาน มอบหมายให้เร่งกำหนดมาตรฐานขนาดสายไฟฟ้าสวิตซ์เปิด-ปิดวงจรไฟฟ้า(เบรกเกอร์) ขนาดของหม้อแปลงไฟฟ้า สถานีชาร์จไฟฟ้าที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้ รวมถึงยังมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปศึกษาจัดทำระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อใช้รถไฟฟ้าในส่วนงานราชการต่อไป ซึ่งจะเป็นการนำร่องและส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจในการใช้รถไฟฟ้าในอนาคต