บริษัทก่อสร้างบ้านในอังกฤษได้เริ่มเสนอขายบ้านที่ผนังภายในผังด้วยฟางที่ได้จากลำต้นข้าวสาลีและยังวางแผนที่จะสร้างบ้านที่ใช้วัสดุที่มีส่วนผสมของต้นป่านเป็นอันดับต่อไป
ลำต้นข้าวสาลีที่หลงเหลือมากมายมหาศาลจากไร่ข้าวสาลีหลังการเก็บเกี่ยว นอกจากจะมีราคาถูกแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการกักเก็บความร้อนไว้ในตัวได้ดีเยี่ยมอีกด้วย แต่ลำต้นข้าวสาลียังมีข้อเสียตรงที่ยังไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้มากนัก อย่างไรก็ตาม หากนำลำต้นข้าวสาลีไปใช้ร่วมกับไม้และแผ่นไม้ก็จะได้วัสดุก่อสร้างบ้านที่มีความแข็งแรงมากขึ้น เก็บกักความร้อนได้ดีและยังสร้างมลพิษแก่โลกน้อยลงอีกด้วย
บ้านหลายๆ หลังเหล่านี้ที่ Shirehampton ในเมือง Bristol ประเทศอังกฤษ ใช้อิฐก่อเป็นผนังด้านนอกเท่านั้น ส่วนผนังกั้นห้องภายในตัวบ้านสร้างจากวัสดุที่มีส่วนผสมของลำต้นข้าวสาลีเพื่อช่วยให้บ้านมีความอุ่นและลดค่าไฟฟ้าและค่าแก๊สที่ใช้ในการทำความอุ่นให้ถูกลงกว่าบ้านที่สร้างด้วยอิฐล้วนๆ
ศาสตราจารย์ Peter Walker คณบดีภาควิชาสถาปนิกและวิศวกรรมโยธาแห่งมหาวิทยาลัย Bath กล่าวว่าลำต้นข้าวสาลีช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกไปในชั้นบรรยากาศลง เนื่องจากพืชสามารถดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศได้ผ่านวิธีสังเคราะห์แสงและสามารถเก็บกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ในลำต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลำต้นข้าวสาลียังมีคุณสมบัติที่ดีในการช่วยชะลอการติดไฟได้อีกด้วย
ศาสตราจารย์ Walker อธิบายว่าทีมงานทดสอบคุณสมบัตินี้กับผนังที่ทำจากลำต้นข้าวสาลีซึ่งโพกด้านนอกด้วยดินขาว ปรากฏว่าผนังสามารถทนทานต่อการติดไฟนานถึง 2 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งถือได้ว่าทนต่อการติดไฟได้อย่างยอดเยี่ยม
นักวิจัยยังชี้ว่าวัสดุก่อสร้างที่ทำจากลำต้นป่านพอกด้วยดินขาวจะกลายเป็นวัสดุก่อสร้างทางเลือกที่ดีอีกชนิดหนึ่งในอนาคต เพื่อช่วยในการเก็บกับความอุ่นภายในตัวบ้าน
ผนังที่ทำจากต้นป่านผสมกับดินขาว มีน้ำหนักเบากว่าผนังคอนกรีต 7-8 เท่าตัว สามารถใช้ก่อเป็นผนังที่มีโครงสร้างทำจากไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีราคาถูกและเหมาะกับบ้านชั้นเตี้ยๆ
คุณ Alex Sparrow แห่งบริษัท Hemp-Lime Construct กล่าวว่าแม้ว่ามลพิษที่เกิดขึ้นจะมาจากการผลิตดินขาว การขนส่งและพลังงานที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านแล้ว ทุกตารางเมตรของผนังที่ทำจากลำต้นป่านผสมดินขาวสามารถดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศได้ถึง 160 กิโลกรัมทีเดียว
