เมื่อเร็วๆ นี้ คณะนักธุรกิจจากสาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย Mr.Lu Min และ Mr.Qi Xiao Jun ผู้บริหารบริษัท Shanghai Ultra Thai Investment Management Co., Ltd. พร้อมด้วย Mr.Huang Hua ผู้บริหารบริษัท Sanya Tiantai Century Industrial Co., Ltd. ได้เดินทางเข้าพบ นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจด้านการบริการทางการแพทย์ที่ดีของไทย
คณะนักธุรกิจชาวจีน ในนาม Ultra Thai จะลงทุนธุรกิจด้านสุขภาพ โดยจะนำเสนอบริการทางการแพทย์ที่ดีของไทยขยายไปยังตลาดจีน ด้วยการเปิด "ศูนย์สุขภาพไทย" ในสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 50 แห่ง และเปิดศูนย์สุขภาพภายในรีสอร์ทในประเทศไทย 5 แห่ง โดยจะให้บริการด้านตรวจสุขภาพ ทำฟัน ตรวจสายตา คาดว่าภายใน 5 ปี จะสามารถขยายบริการไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ระดับวีไอพี จำนวน 30,000 คน ประมาณการรายได้ที่เกิดขึ้นจากการบริการด้านสุขภาพราว 1,500 ล้านบาท
การเติบโตของเศรษฐกิจจีน ทำให้กลุ่มชนชั้นกลาง และผู้มีฐานะดีชาวจีนเพิ่มจำนวนขึ้น กลุ่มคนเหล่านี้มีศักยภาพในการบริโภคสูง และต้องการออกไปเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนร่วมโลก ประชาชนชาวจีนจึงมีการเดินทางเพื่อเปิดวิสัยทัศน์ยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยประเทศที่ชาวจีนนิยมเดินทางท่องเที่ยวมีทั้ง สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศไทย
นักท่องเที่ยวจีน ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า ประเทศท่องเที่ยวระดับโลกอย่างฝรั่งเศส มีนักท่องเที่ยวไปเยือนปีละกว่า 80 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีน ถึง 20 ล้านคน มีการจับจ่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมสูงเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวจีน 4-5 ล้านคน จากนักท่องเที่ยว 25-26 ล้านคนต่อปี
ไม่เพียงแต่ประเทศไทยที่ต้องการปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ทุกประเทศทั่วโลกล้วนต้องการตลาดนักท่องเที่ยวจีนเป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ การแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อช่วงชิงนักท่องเที่ยวจีนจึงรุนแรงไม่น้อย ขณะที่ไทยมีความได้เปรียบทั้งด้านระยะทาง ค่าใช้จ่าย แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้นล้วนน่าสนใจไม่แพ้ประเทศใดๆ ในโลก
ข้อมูลที่น่าสนใจจากการศึกษาตลาดท่องเที่ยวจีนของ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) บริษัทผู้บริหารงานโรงแรมระดับโลก ร่วมกับ ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ระบุถึงโอกาสทางธุรกิจมหาศาลจากนักท่องเที่ยวจีนว่า ยอดรวมจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ จะมีถึงเกือบ 97 ล้านคนในปี 2566 หรือเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยเวลานั้นเชื่อว่าชาวจีน 88 ล้านครัวเรือนสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้
รายได้ครัวเรือนที่สูงขึ้น คือ ปัจจัยผลักดันสำคัญในทศวรรษหน้า โดยชาวจีนกว่า 60 ล้านครัวเรือน จะมีรายได้ต่อปีเกินระดับ 35,000 ดอลลาร์ ซึ่งมากพอที่จะจัดสรรค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ที่สำคัญ คาดการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในปี 2566
ผลการศึกษายังสะท้อน 3 แนวโน้มสำคัญที่จะเกิดขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1.ความต้องการในการเดินทางระยะไกลของชาวจีนจะพุ่งขึ้นสูงมาก จีนจะกลายเป็นตลาดนักเดินทางระยะไกลที่ใหญ่สุดในปี 2563 แทนที่สหรัฐ สหราชอาณาจักร และเยอรมนี 2. ชาวจีนเดินทางทั้งเพื่อธุรกิจและเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ในปี 2566 เกือบสองในสาม หรือ 62% ของการเดินทางออกนอกประเทศของชาวจีน เป็นการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจ 3. นักท่องเที่ยวจีนจะใช้จ่ายมากขึ้นระหว่างการเดินทางต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อการเดินทางของชาวจีนคาดเพิ่มขึ้นเกือบ 75% ในปี 2566 โดยนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มเลือกที่พักราคาสูงขึ้น จับจ่ายสินค้าราคาแพงขึ้น
นักท่องเที่ยวชาวจีนมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นตัวแปรต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ เฉพาะไทย คาดการณ์ในปี 2566 กรุงเทพฯ จะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นกว่า 690,000 คน สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พัทยาจะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 527,000 คน โดยในปี 2556 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมากรุงเทพฯ กว่า 1.76 ล้านคน เป็นระดับที่สูงสุดเมืองหนึ่งของภูมิภาคนี้
กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่มียอดใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวจีนสูงที่สุดในโลกในปี 2556 จำนวน 3.8 พันล้านดอลลาร์ โดยมีพัทยาเป็นอันดับสอง กว่า 3 พันล้านดอลลาร์ คาดยอดใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวจีนในกรุงเทพฯ จะเพิ่มขึ้น 130% หรือเป็นจำนวนกว่า 8.8 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2566
ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการในการช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มีทางเลือกของการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก