ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 6.3% เท่ากับปี 2557 และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2559 ส่วนไทยคาดปีนี้โต 3.6%
เศรษฐกิจโลกปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงหลักจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยคาดว่าปีนี้จีนจะขยายตัวเพียง 7.2% และ 7% ในปี 2559 และการปฏิรูปในเชิงโครงสร้างในอินเดียที่คาดว่าน่าจะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า (ประเมินการเติบโต 7.8% ปีนี้ และ 8.2% ปี 2559) รวมทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ อาจทำให้เงินทุนไหลกลับไปยังสหรัฐ และเกิดวิกฤตเงินทุนไหลออกในหลายภูมิภาค
ส่วนปัจจัยเสี่ยงรองลงมา ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและประเทศกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่กระเตื้อง ประกอบกับปัญหาหนี้เสียในกรีซ ขณะที่เศรษฐกิจที่ถดถอยของรัสเซียน่าจะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียกลางซบเซาอีกต่อหนึ่งด้วย โดยเอดีบีคาดการณ์ว่าประเทศพัฒนาแล้วน่าจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียง 2.2% ในปี 2558 และเพิ่มเป็น 2.4% ในปี 2559
อย่างไรก็ตาม เอดีบีเชื่อว่าราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง น่าจะเปิดช่องให้หลายประเทศสามารถปฏิรูปนโยบาย เพื่อลดเงินอุดหนุนราคาน้ำมัน และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอดีบีคาดว่าในปี 2558 น่าจะเติบโตที่ 4.9% และเพิ่มเป็น 5.3% ในปี 2559 หลังเศรษฐกิจอินโดนีเซียและไทยฟื้นตัว และหลายประเทศได้รับอานิสงส์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น และเงินเฟ้อที่ต่ำลง
ส่วนประเทศไทย เอดีบีประเมินว่า การเพิ่มการลงทุนจากภาครัฐ น่าจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้อยู่ที่ราว 3.6% และ 4.1% ในปี 2559 แต่เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการเบิกจ่ายและการดำเนินโครงการภาครัฐที่ล่าช้า รวมถึงความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย และการชะลอตัวของประเทศคู่ค้าหลัก