นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐอเมริกา ประเมินเทรนด์เทคโนโลยีที่คาดว่าจะบูมสุดๆ ในปี 2558 ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เป็นท็อปเท็น 10 อันดับ ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์พกพา
ด้วยเทคโนโลยีของสมาร์ตโฟนที่ถูกพัฒนาอยู่เสมออย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ฟังก์ชันการใช้งานมีลูกเล่นใหม่ตลอด ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมอุปกรณ์เสริมต่างๆ อีก ที่จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนของคุณเข้ากับคอม พิวเตอร์ที่บ้าน หรือในออฟฟิศ หรือทำอะไรอื่นๆ ได้อีกตั้งมากมายที่คาดไม่ถึง เสมือนเป็นคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ขนาดจิ๋วเลยทีเดียว
2. สิ่งของคุยกันเองได้ด้วยพลังไซเบอร์
อาจไม่ใช่เฉพาะคอมพิวเตอร์เท่านั้นแล้วที่ต่ออินเตอร์เน็ตได้แต่ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้านก็ทำได้ ด้วยเทคโนโลยี ไอโอที (Internet of Things) ที่กำลังจะมาเป็นตัวเก็งในธุรกิจด้านไอที รวมถึงความก้าวหน้าในงานอุตสาหกรรม โดยเป็นระบบที่จะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตระหว่างสิ่งของทุกอย่างให้มันสื่อสารกันเองได้
3.การพิมพ์งาน 3 มิติ
เดี๋ยวนี้การพิมพ์งาน 3 มิติ หรือ 3D Printing ไม่แพงมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว อีกทั้งจะยังสามารถขยายความก้าวหน้าทางการตลาดได้เป็นอย่างดีมากๆ ในอีก 3 ปีด้วย ซึ่งถ้าถึงเวลาที่ 3D Printing บูมจริงๆ เมื่อไหร่ละก็ จะเป็นประโยชน์ในการทำงานของวงการอุตสาห กรรม ชีวการแพทย์ รวมไปถึงการประยุกต์ใช้งานแบบต่างๆ ของ ผู้บริโภคด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ช่วยผู้ผลิตลดต้นทุนลงได้
4. ระบบคอมพ์วิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูง
การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะล้ำสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีเทคโนโลยีเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตระหว่าง สิ่งของ หรือไอโอที ด้วยสิ่งนี้เราจะสามารถสร้างเครือข่ายวิเคราะห์ขนาดใหญ่ได้ ทุกโปรแกรมทุกแอพพลิเคชั่นจะได้รับการวิเคราะห์ และถาม-ตอบข้อมูลได้หมด
5. ระบบสมองกล
ด้วยการปลูกฝังความคิด สติปัญญา และการวิเคราะห์ให้กับระบบคอมพิวเตอร์ จะทำให้การทำงานของมันมีความตื่นตัวและตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องระวังในเรื่องความปลอดภัยไม่ต่างจากเทรนด์อื่นๆ ด้วย
6. เครื่องจักรอัจฉริยะ
การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยระบบคอม พิวเตอร์จะเป็นใบเบิกทางสู่พัฒนาการ ของเครื่องจักรกลทั้งหลาย ในการที่ตัวมันสามารถเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้เองเหมือนกับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ยุคเครื่องจักรอัจฉริยะแบบนี้ อาจจะสร้างความปั่นป่วนโกลาหลครั้งใหญ่ที่สุดให้กับประวัติศาสตร์แห่งไอทีก็เป็นได้
7. พื้นที่พิเศษสำหรับจัดเก็บข้อมูล
เจ้าสิ่งนี้จะบูมมากขึ้นเรื่อยๆ หากใครใช้สินค้า ตระกูลแอปเปิ้ลอยู่ น่าจะรู้จัก iCloud ดี ซึ่งมันมีคุณสมบัติในการที่จะเก็บรวบรวมแอพพลิเคชั่นทั้งหลายแหล่เข้าไว้ด้วยกันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปรบกวนพื้นที่ความจำของเครื่องเรา เพียงแค่ใช้ username กับรหัสผ่านล็อกอิน เราก็จะสามารถเรียกแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นมาใช้งาน ผ่านอุปกรณ์ตัวไหนก็ได้
8. ระบบกำหนดข้อมูล
หมดไปแล้วกับยุคมืดของเทคโนโลยีแบบเดิมๆ ที่ไร้การพัฒนา มาสู่ความทันสมัยแบบขีดสุดแทน เพื่อให้ตอบรับต่อความต้องการของผู้บริโภคในโลกแห่งดิจิตอล ทั้งเครือข่ายสำหรับเชื่อมโยงข้อมูล จัดเก็บข้อมูล รักษาความปลอดภัยของข้อมูล หรือที่เรียกกันว่า คลาวด์ (Cloud) กำลังเป็นหนึ่งในตัวเก็งของยุคนี้ ที่มีต้นตอมาจากระบบเอพีไอ หรือที่เรียกว่าช่องทางสำหรับเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่น หรือระบบปฏิบัติการต่างๆ ระหว่างกัน
9. ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
ด้วยเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลด้วยคลาวด์ และระบบกำหนดข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว ทำให้หลายๆ บริษัทคิดที่จะเริ่มหันมาทำแบบเว็บไซต์ อเมซอน กูเกิ้ล แล้วก็เฟซบุ๊กกัน คือจะสร้างศูนย์บริการข้อมูลขนาดมหึมา เพื่ออำนวยประโยชน์ด้านการดำเนินธุรกิจ เช่น พนักงานจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างสะดวกและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันผ่านทางศูนย์ข้อมูลนี้
10. การพัฒนารปภ.โลกไซเบอร์
ทุกวันนี้ใช่ว่าทุกวิธีการป้องกันภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์จะใช้ได้ผล จึงยังต้องมีการพัฒนากันอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งระบบที่สามารถประเมิน ทดสอบและบรรเทาภัยร้ายเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง รวมไปถึงแอพพลิเคชั่น ที่มีคุณสมบัติการปกป้องความปลอดภัยในตัวมันเองอยู่แล้ว