เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จหลักสูตรการอบรมของสำนักงาน ป.ป.ช. ความตอนหนึ่งว่า บ้านเมืองของเรามีปัญหาใหญ่ 2 อย่าง คือ
1. ปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องดูแลราษฎรให้ยากจนน้อยลง เรื่องยากจนนี่สำคัญ แต่ยังไม่เร่งด่วนเท่าเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง
2. ปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่เรายังเห็น ยังมีอยู่มากในบ้านเรา และยังแก้ไขให้หายไปไม่ได้ เพราะต่างตนต่างคิดว่า ไม่ใช่ธุระ ใครจะโกงอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา
ท่านได้ปลุกสำนึกประชาชน ยืดอกต้านโกง และยังได้แนะให้ใช้ยาแรงปราบปราม เร่งทำคดีทุจริตให้เร็ว-ลงโทษให้รุนแรง การที่ใครบางคนบางท่านแนะให้ใช้คุณธรรม จริยธรรม หรือการปกครองในแบบที่เรียกว่าธรรมาภิบาล ท่านก็ระบุว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแต่ว่ามันช้า มันช้าจนเรียกว่า ช้าเกินไป ไม่ทันกับความเลวร้ายในเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง ท่านได้กล่าวสรุปไว้น่าสนใจมากคือ "คนโกงคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมืองของเรา"
ทำไมผมเริ่มต้นด้วยการนำเอาโอวาทของท่านที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ลองตามมาดูข้อมูลต่อไปนะครับ นายธนาคารชั้นนำของไทยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะขยายตัวประมาณ 3-4% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจาก "โครงการประชานิยม" ที่ยังคงกดดันการบริโภคและการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ให้ไม่สามารถขยับหรือขับเคลื่อนอะไรได้ ก็ด้วยเหตุเนื่องจากครัวเรือนมีหนี้ที่ก่อเอาไว้ตามโครงการประชานิยม
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากโครงการประชานิยมในระยะต่อไปช่วงปี 2558-2559 จะค่อยๆ ลดความรุนแรงลดลงไป เศรษฐกิจไทยคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง อัตราการเติบโตที่เราจะได้เห็นตามศักยภาพจึงจะกลับมาเป็นปกติ ในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ เรื่องของการใช้จ่ายของภาครัฐ และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าโครงการทุกอย่างที่ออกมาไม่มีการโกง ไม่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง งบประมาณไม่หายหกตกหล่นอีกต่อไปแล้ว เศรษฐกิจไทยรุ่งเรืองแน่นอน ดังมีคนเคยกล่าวว่า ถนนในประเทศไทยสามารถปูด้วยทองคำยังได้เลยถ้าไม่มีการรั่วไหลของเงินงบประมาณ อันเนื่องมาจากคนโกง เพราะ "คนโกงคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมืองของเรา"
ในอีกประเด็นหนึ่งนั้น นายธนาคารคนดังกล่าวยังได้ระบุต่อว่าเรื่องที่ต้องเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดคือ
เรื่องที่เศรษฐกิจจีนมีอัตราการเติบโตต่ำกว่าคาด เรื่องนี้จะส่งผลต่อการส่งออกของไทย
เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาเข้มแข็งมากขึ้นกว่าในอดีต ประเทศไทยก็มีโอกาสส่งออกไปยังตลาดนี้มากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยอาจถูกตัดจีเอสพีในสินค้าที่จะส่งไปยุโรปในปีหน้า
เมื่อสหรัฐ กลุ่มประเทศยุโรป และประเทศญี่ปุ่น ต่างก็มีนโยบายการบริหารเศรษฐกิจ นโยบายการเงินการคลัง ตลอดจนนโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน เรื่องแบบนี้จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน เงินทุนเคลื่อนย้าย