เข้าสู่ระบบ

Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

อียูติงไทยแลนด์ 4.0 ไม่ไปไหน! ฟาก”เจโทร”แนะอีอีซีจะรุ่ง ต้องลดขั้นตอนศุลกากร-หนุนทุนท้องถิ่น

  • STEEP Category :
    Economy
  • Event Date :
    20 กรกฎาคม 2560
  • Created :
    21 กรกฎาคม 2560
  • Status :
    Current
  • Submitted by :
    Ploy Kanoktanaporn
Description :

วันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าเเละพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD จัดเวทีประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ประจำปี 2560 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ โดยการประชุมในช่วงที่ 6 ว่าด้วยเรื่อง อุปสรรคเเละโอกาสสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนของเอเชีย

ทั้งนี้ ที่ประชุมระบุว่า เอเชียกำลังอยู่ในห้วงของการเติบโตเป็นพิเศษทางการค้าเเละการลงทุน ดังนั้น การพัฒนาในการจัดการกับความต้องการที่เร่งรัดของประเทศที่กำลังพัฒนา ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพิสูจน์เเละกำหนดอนาคตของภูมิภาค

โครงสร้างพื้นฐาน ส่วนสำคัญหนุนการเติบโตเศรษฐกิจ
นายนาโอยูกิ โยชิโนะ ตัวแทนจากเอดีบี ญี่ปุ่น กล่าวถึงมาตรการด้านการเติบโตของการค้าเเละการลงทุนว่า แบ่งออกได้ดังนี้ 1. การเติบโตอย่างยั่งยืนของเอเชียนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ความเสมอภาคในสังคม 2. การลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ 3. ประเทศนั้นๆ จะต้องมีการเมืองที่มั่นคง ประเทศมีความปลอดภัย 4. มีความมั่นคงทางระบบเศรฐกิจในระดับมหภาค 5. มีการลงทุนด้านการศึกษา เเละสุขภาพ รวมไปถึงการเปิดการค้าเสรี การลงทุน 6. หลักธรรมภิบาลถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง 7. ยึดคติไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง และ 8. ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนด้านการพัฒนา

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งพบว่าในภูมิภาคนี้ยังไม่เเข็งเเกร่ง ดังนั้น ควรมีการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยภาคเอกชนควรเข้ามาเเสดงความคิดเห็นเเละให้ข้อเสนอเเนะ ส่วนภาครัฐต้องเข้ามามีส่วนในเรื่องของการอนุมัติโครงการต่างๆ นอกจากนี้ การวิเคราะห์หรือตรวจสอบโครงการก็ควรทำในระดับที่สามารถเจาะลึกลงไปได้

มาตรการลดหย่อนภาษี-ไฟเขียวท้องถิ่นลงทุนสะดวกขึ้นช่วยจูงใจนักลงทุนมาอีอีซี

ด้านนายไดสุเกะ ฮิราซึกะ ตัวแทนจากเจโทร ประจำประเทศไทย กล่าวถึงการนำมาตรการทางภาษีมาเป็นเเรงจูงใจ โดยยกกรณีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ เอฟดีไอ คือ บริษัทลงทุนในต่างประเทศต้องการที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งญี่ปุ่นเองนั้นเคยพูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงการริเริ่มโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ อีอีซี โดยญี่ปุ่นเองให้ความสนใจและกำลังศึกษา

เขากล่าวต่อว่า ในส่วนของการเก็บภาษีหากมีการลดหย่อนหรือผ่อนผันได้ จะส่งผลดีโดยตรงต่อบริษัทต่างๆ ประเทศไทยมีความสำคัญกับญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาญี่ปุ่นมีการลงทุนในไทยมากกว่าอินโดนีเซียสองเท่า มากกว่ามาเลเซียสามเท่า จะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นก็มองว่าประเทศไทยเป็นเเหล่งสำคัญในการลงทุน

ขณะเดียวกัน มองว่าอีกส่วนที่จะทำให้อีอีซีของไทยน่าจะประสบความสำเร็จได้ดีคือเรื่องของด่านตรวจศุลกากร ในการอำนวยความสะดวกด้วยการลดขั้นตอนต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาขึ้นได้มาก โดยมองว่าเป็นวิธีการที่ไม่ต้องใช้การลงทุนสูง แต่ได้ประโยชน์มาก

เชื่อมต่อสนามบิน ดันเศรษฐกิจไร้พรมเเดน
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอำนวยการสถาบันตีนันแห่งเอเชีย เเละที่ปรึกษาสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า การทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นนั้น ต้องควบคู่ไปกับการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับโลกด้วย ปัจจุบันผู้คนเข้าถึงกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำ เรือ อากาศ ส่งผลให้อาจจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมา เเละทั้งหมดนี้จะไม่ยั่งยืนหากไม่มีการจัดการปัญหา

ไทยแลนด์ 4.0 ไปไม่ถึงไหน หากไม่สนับสนุนการศึกษา
นายรอล์ฟ ดีเตอร์ ดาเนียล จากสภาหอการค้ายุโรป กล่าวถึงมุมมองเศรษฐกิจของอียู ว่าสาเหตุที่บริษัทในยุโรปประสบความสำเร็จ คือการวิจัย และการทำงานร่วมกัน หากมีกรณีไม่สำเร็จก็ต้องศึกษาหาสาเหตุ การศึกษาเอสเอ็มอีเเสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญ มุ่งมั่นเเละพยายามในธุรกิจนั้นอย่างเต็มที่ ทั้งนี้จากการทำงานร่วมกับสภาหอการค้าไทย ทำให้เห็นความแตกต่างของสภาหอการค้าไทยเเละหอการค้ายุโรป โดยไทยมีความจำกัดด้านบุคลากร เงินทุน และเทคโนโลยี

อีกเรื่องที่สำคัญคือ "เเรงงาน" ประเทศไทยยังต้องการแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก หากไม่มีเเรงงาน การเติบโตของเศรษฐกิจก็จะชะงักลง ขณะเดียวกันหากมองลงไปในนโยบายไทยเเลนด์ 4.0 ต้องเชื่อมโยงให้ดีระหว่างเครื่องจักรเเละเเรงงาน หากนำหุ่นยนต์มาใช้ทำงานแทนมากเกินไป แรงงานจะตกอยู่ในสถานะว่างงานจำนวนมาก

เขากล่าวต่อว่า การคุ้มครองนักวิจัยเเละนักพัฒนาในภาคส่วนอียูถือเป็นเรื่องสำคัญ การจะสร้างเเรงบันดาลใจต้องเข้าใจพื้นฐาน หากใช้มาตรการเกี่ยวกับภาษีมาเป็นเเรงจูงใจต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนกรณีรถไฟความเร็วสูงนั้น มองว่าที่จำเป็นคือความเร็วขนาดปานกลาง ไม่ใช่ความเร็วสูง ดังนั้น จึงต้องดูตามความเหมาะสมด้วย