นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เสนอขอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศจากวันละ 300 บาทเป็นวันละ 360 บาท เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้นว่า การขอปรับขึ้นค่าแรงงานจาก 300 บาท เป็น 360 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 20% เป็นอัตราที่สูงเกินไป เนื่องจากค่าแรงในปัจจุบัน 300 บาทต่อวันในขณะนี้ เป็นค่าแรงที่สูงอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับคู่แข่งการค้าในประเทศเพื่อนบ้าน หากยิ่งปรับขึ้นอีก จะส่งผลกระทบต่ออุตฯ ในประเทศ เป็นอย่างมาก เพราะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันทางการค้า
ทั้งนี้การพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ คณะกรรมการไตรภาคี จะพิจารณาอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ เพื่อประกาศใช้ในปี 59 ซึ่งคณะกรรมการไตรภาคี จะต้องพิจารณาแนวทางให้รอบคอบ หากจะต้องขึ้นไปถึง 360 บาทต่อวันจริง จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เพิ่งปรับตัวรับมือค่าแรง 300 บาทต่อวันก่อนหน้านี้อีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีกำไรไม่มาก จะยิ่งเสี่ยงกับการขาดทุน และปิดกิจการได้อีกครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจปัจจุบันการบริโภคภายในประเทศเองยังไม่ดี
?อยากให้คณะกรรมการไตรภาคี ที่จะพิจารณาค่าแรงในช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อกำหนดค่าแรงในปี 59 ใหม่ พิจารณาให้รอบคอบจะต้องสะท้อนเงินเฟ้อ และค่าครองชีพของแต่ละพื้นที่มาเฉลี่ยกัน ไม่ใช่คิดแบบกรณีการขึ้นทันทีทั่วประเทศ 300 บาทต่อวัน ทำให้บางพื้นที่ขึ้นทันที 80% ส่งผลต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีช่วงนั้นต้องปิดกิจการไปจำนวนมากซึ่งเอกชนเองก็เคยเตือนแล้วที่ผ่านมาอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นได้ทยอยปรับตัวด้วยการหันไปลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้านแทนแล้ว ซึ่งหากปรับขึ้นค่าแรงที่สูงเกินไปนั้น จะยิ่งผลักดันให้อุตฯ เหล่านี้ ต้องหันไปประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น?
